AI Crawler กำลังกินทรัพยากรเว็บคุณอยู่หรือเปล่า

อ่านจบใน 1 นาที

ถ้าคุณดูแลเว็บไซต์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นเว็บบริษัท เว็บลูกค้า หรือแม้แต่เว็บบล็อกเล็กๆ มีโอกาสสูงที่คุณกำลังถูก AI Crawler แอบเข้ามาใช้ทรัพยากรโดยไม่รู้ตัว
และถ้าคุณสังเกตว่าเว็บช้า ใช้ Bandwidth เยอะขึ้น หรือสถิติ Google Analytics เริ่มเพี้ยน… บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และจัดการได้อย่างถูกทาง


ทำไมอยู่ดีๆ AI Crawler ถึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ในปี 2025

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา Website Admin ทั่วโลกเริ่มรายงานว่ามี Bot Traffic เข้ามามากผิดปกติ โดยเฉพาะจาก AI Crawler ของ OpenAI, Claude, Apple และบริการ LLM ต่างๆ ที่เข้ามาดึงข้อมูลเพื่อนำไปเทรนโมเดล

ยกตัวอย่าง:

  • GPTBot ของ OpenAI สร้าง Request มากถึง 569 ล้านครั้งในเดือนเดียว
  • Claude Crawler ของ Anthropic ก็ไม่แพ้กันที่ 370 ล้าน Request
  • ปริมาณ Bot Traffic จาก AI คิดเป็นประมาณ 20% ของ Googlebot เลยทีเดียว

แปลว่า AI ไม่ได้แค่เรียนรู้จากข้อมูลเรา แต่ใช้ทรัพยากรของเราไปด้วยแบบไม่รู้ตัว


เว็บของคุณได้รับผลกระทบยังไงบ้าง

1. ใช้ Bandwidth เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
เว็บไซต์อย่าง Read the Docs ที่เปิดข้อมูลไว้ พบว่าเมื่อ Block AI Bot แล้ว Bandwidth ลดลงจาก 800GB เหลือ 200GB ต่อวัน ลดต้นทุนได้เกือบ 52,500 บาทต่อเดือน

2. สถิติบน Analytics เพี้ยน
Bot เหล่านี้ทำให้ Session เพิ่มขึ้นแบบไม่ใช่คนจริง ส่งผลให้ค่า CTR, Bounce Rate, Conversion พัง

3. กระทบต่อ Core Web Vitals
AI Bot เข้าเว็บถี่ๆ ทำให้เกิด Load สูงจนกระทบ PageSpeed และ FCP, LCP แบบไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลต่ออันดับ SEO

4. อาจโดนโจมตีแบบไม่ตั้งใจ
บาง Bot อาจเข้าถึง API, Commit Logs, หรือ Endpoint สำคัญโดยไม่มีระบบ Rate Limit ทำให้ระบบหน่วงหรือเข้าไม่ได้ชั่วคราว


รู้จัก Pattern ของ AI Crawler ก่อนจะป้องกัน

AI Bot มีพฤติกรรมต่างจาก Search Engine Bot ทั่วไป เช่น

  • เข้าเว็บทุก 6 ชั่วโมง (แม้เนื้อหาไม่ได้อัปเดต)
  • ดึงทุกหน้า รวมถึง Git Commit, Log, Endpoint ที่ไม่ควรเข้าถึง
  • ใช้ IP แบบ Residential หรือปลอม User Agent ทำให้บล็อกได้ยากขึ้น

ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้การวิเคราะห์ Log ยาก และเครื่องมือเก่าหลายตัวยังตามไม่ทัน


แนวทางจัดการ AI Crawler โดยไม่กระทบ SEO

1. ใช้ Google-Extended บล็อกเฉพาะการเทรนโมเดล

เพิ่มใน robots.txt ได้เลย:

User-agent: Google-Extended
Disallow: /

ยังคงติดอันดับใน Google Search ได้ตามปกติ แต่ Google จะไม่นำข้อมูลไปใช้เทรนโมเดล Gemini หรือ Vertex AI

2. ใช้บริการ AI Labyrinth ของ Cloudflare

แทนที่จะบล็อก AI โดยตรง ระบบจะส่ง AI Bot ไปยังเพจหลอกที่ไม่มีข้อมูลจริง (แต่ดูเหมือนมี) ทำให้ Bot เสียเวลาวนอยู่ใน Loop โดยไม่กินทรัพยากรเว็บหลัก

3. ปรับ Bot Filter บน Analytics

ใช้ฟิลเตอร์แยก Traffic ที่มาจาก Bot เพื่อให้ข้อมูล Conversion และ Engagement แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ SEO และ Ads

4. ตรวจสอบ Log อย่างสม่ำเสมอ

วิเคราะห์ Log เพื่อหาค่า IP ที่มี Request สูงผิดปกติ (ดูช่วงเวลาซ้ำๆ ทุก 6 ชั่วโมง) แล้วค่อยพิจารณาบล็อกแบบเจาะจง หรือ Rate Limiting

5. ใช้ Firewall หรือ WAF ตั้งค่า Custom Rule

สำหรับเว็บที่ใช้ Cloudflare, Sucuri หรือบริการอื่นๆ ให้ตั้ง Rule ตรวจจับและจัดการ User Agent หรือ Pattern ที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติ


มุมมองจาก WPMartech การจัดการ AI Crawler คือส่วนหนึ่งของ SEO ยุคใหม่

การทำ SEO ไม่ได้จบที่ Keyword หรือ Backlink อีกต่อไป เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ “ทรัพยากรของเว็บ” กลายเป็นสินทรัพย์ที่ต้องปกป้อง

สิ่งที่เราพบจากลูกค้าหลายรายคือ

  • ค่า Hosting แพงขึ้นเพราะ AI Bot
  • Ranking หล่นเพราะ Core Web Vitals พัง
  • Analytics พัง จนไม่รู้ว่า Conversion จริงอยู่ตรงไหน

ถ้าคุณยังไม่เริ่มจัดการตอนนี้ เว็บอาจกำลังถูกสูบทรัพยากรโดยที่คุณไม่รู้ตัว

แนะนำ เริ่มต้นที่ robots.txt และวางระบบ Monitor Log ที่ดี แล้วค่อยใช้เครื่องมือขั้นสูงทีหลัง


สรุปท้ายบทความ

AI Crawler ไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่มัน “เกิดขึ้นแล้ว” และส่งผลกระทบกับเว็บไซต์จำนวนมาก

ถ้าคุณอยากรักษา SEO, UX และความเร็วเว็บให้ดีที่สุดในยุคนี้ การรู้จักวิธีจัดการ AI Bot เป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่ใช่ทางเลือก

ลองเริ่มจาก Checklist ข้างบนวันนี้ แล้วคุณจะควบคุมเว็บไซต์ของตัวเองได้ดีขึ้นกว่าเดิมแบบรู้ทัน AI

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.searchenginejournal.com/ai-crawlers-draining-site-resources/543011/

บทความนี้โดย WPMartech แหล่งรวมกลยุทธ์ WordPress + SEO + Martech สำหรับมืออาชีพยุคใหม่

อาทิตย์ เอี่ยมปา
ติดตาม